พุทธศาสนานิกายเถรวาทเป็นศาสนาที่ได้รับการยอมรับของประเทศกัมพูชาซึ่งปฏิบัติโดย 90.5% ของประชากร – เหมือกันกับประเทศไทยพม่าศรีลังกา อย่างไรก็ตามศาสนาคริสต์และจามมุสลิมได้รับความนิยมในหมู่ประชากรจำนวนมากเช่นกันในเมืองหลวงนอกเหนือจากจังหวัดซึ่งแสดงสัญญาณของการพัฒนา
พระสงฆ์มีวินัยอย่างไม่น่าเชื่อและควรปฏิบัติตามกฎ 227 ข้อ นอกเหนือไปจากศีลธรรมทั้งสิบของการเป็นพุทธที่ยิ่งใหญ่ พระไม่สามารถมีส่วนร่วมในความบันเทิงได้ พวกเขาดำเนินชีวิตที่เรียบง่ายมากที่อุทิศให้กับพระพุทธศาสนาเช่นเดียวกับวัด
ชาวพุทธมองชีวิตพร้อมด้วยกันกับจักรวาลว่าเป็นส่วนหนึ่งของวงจรแห่งการเปลี่ยนแปลงที่คงที่ พวกเขายึดถือคำสั่งของพระพุทธเจ้า เจ้าชายชาวอินเดียที่เกิดในศตวรรษที่หกก่อนคริสต์ศักราช ชาวพุทธเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตเกิดใหม่อย่างต่อเนื่องในรูปแบบที่ไม่ใช่มนุษย์หรือมนุษย์บนพื้นฐานของกรรม พวกเขาสามารถหลุดจากวัฏจักรนี้โดยการเข้าถึงแก่นแท้ของนิพพาน ซึ่งอาจบรรลุได้ด้วยการทำบุญและทำตามวิถีชีวิตชาวพุทธที่เหมาะสม
การทำบุญเป็นสิ่งสำคัญในการดำรงชีวิตของชาวพุทธ ชาวพุทธในกัมพูชาสร้างบุญกุศลโดยการอุทิศแรงงาน สินค้า หรือเงินให้กับวัดหรือแม้กระทั่งโดยการให้ถวายเพลหนึ่งในสองมื้อประจำวันของพระสงฆ์
เด็กๆ มักจะดูแลต้นไม้ผลไม้และสวนผักภายในวัดหรือวัดของพวกเขา พวกเขาสามารถทำบุญโดยการเป็นคนรับใช้ในวัดหรือพระภิกษุสามเณรในเวลาอันสั้น ชายหนุ่มส่วนใหญ่ยังคงเป็นพระสงฆ์น้อยกว่าหนึ่งปี
ในกัมพูชามีพระพุทธรูปแปดปาง – “Mutrea” หมายถึงท่าทางของพระพุทธเจ้า:
๑
. คนเกิดวันอาทิตย์ : บูชาพระพุทธรูป
“ปางถวายเนตร
“ ซึ่งอยู่ในอิริยาบถยืน พระหัตถ์ขวาประกบทับพระหัตถ์ซ้ายอยู่หน้าพระเพลา ลืมพระเนตรทั้งสอง และอยู่ในพระอาการสำรวม ปางนี้มาจากเมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วทรงลืมพระเนตรเพ่งดูต้นโพธิ์เป็นเวลา ๗ วัน เพื่อระลึกถึงพระคุณของต้นโพธิ์นั้น
๒
. คนเกิดวันจันทร์ : บูชาพระพุทธรูป
“ปางห้ามสมุทร
“ (หรือ
“ปางห้ามญาติ
“) ซึ่งอยู่ในอิริยาบถยืน ยกพระหัตถ์ทั้งสองข้างขึ้นแบเสมอพระอุระ ปางนี้มาจากเรื่องราวที่พระพุทธเจ้าแสดงปาฏิหาริย์ห้ามน้ำห้ามฝนเพื่อกำจัดทิฐิของเหล่าชฎิล
๓
. คนเกิดวันอังคาร : บูชาพระพุทธรูป
“ปางไสยาสน์
“ ซึ่งอยู่ในอิริยาบถนอนตะแคงข้างขวา หลับพระเนตร พระเศียรหนุนพระเขนย (หมอนหนุน) ฝ่าพระหัตถ์ขวารองรับพระเศียร พระกรทาบไว้บนพระปรัศว์ (สีข้าง) ซ้าย พระบาททั้งสองตั้งซ้อนกัน เหยียดปลายพระบาทเสมอกัน ปางนี้มาจากพุทธประวัติตอนที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน ณ ป่าไม้รัง เมืองกุสินารา
๔
. คนเกิดวันพุธ (กลางวัน
) : บูชาพระพุทธรูป
“ปางอุ้มบาตร
“ ซึ่งอยู่ในอิริยาบถยืน พระหัตถ์ทั้งสองประคองบาตร ปางนี้มาจากตอนที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปบิณฑบาตในเมืองกบิลพัสดุ์โปรดบรรดาพระญาติและประชาชน
๕
. คนเกิดวันพุธ (กลางคืน
) : บูชาพระพุทธรูป
“ปางปาลิไลยก์
“ ซึ่งอยู่ในอิริยาบถนั่ง พระหัตถ์ซ้ายวางคว่ำบนพระชานุเบื้องซ้าย พระหัตถ์ขวาวางบนพระชานุเบื้องขวา เป็นกิริยาทรงรับ มักจะมีรูปช้างหมอบถวายกระบอกน้ำและลิงถวายรวงผึ้ง ปางนี้มาจากตอนที่พวกภิกษุชาวโกสัมพีและเวสาลีวิวาทกัน พระพุทธเจ้าจึงเสด็จหลีกไปประทับพระองค์เดียวที่ป่าปาลิไลยก์ โดยมีช้างและลิงมาเฝ้าถวายการรับใช้อยู่ตลอดไตรมาส
๖
. คนเกิดวันพฤหัสบดี : บูชาพระพุทธรูป
“ปางสมาธิ
“ ซึ่งอยู่ในอิริยาบถนั่งขัดสมาธิ หงายพระหัตถ์ทั้งสอง พระหัตถ์ขวาซ้อนอยู่บนพระหัตถ์ซ้าย วางบนพระเพลา เป็นปางที่เตือนให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้าที่ได้ทรงเจริญสมาธิจนบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ
๗
. คนเกิดวันศุกร์ : บูชาพระพุทธรูป
“ปางรำพึง
“ ซึ่งอยู่ในอิริยาบถยืน พระหัตถ์ทั้งสองประสานพระอุระ พระหัตถ์ขวาทับพระหัตถ์ซ้าย เป็นกิริยารำพึง ปางนี้มาจากตอนที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วทรงรำพึงว่าควรจะสอนธรรมแก่ชาวโลกหรือไม่ เพราะธรรมที่ตรัสรู้นั้นลึกซึ้งยิ่งนัก ท้าวสหัมบดีพรหมจึงมาทูลอาราธนาพระองค์ให้โปรดสัตว์โลก โดยเปรียบมนุษย์กับบัวสี่เหล่าว่า ดอกบัวที่โผล่พ้นน้ำแล้วย่อมบานด้วยไออุ่นจากแสงอาทิตย์ฉันใด มนุษย์ผู้มีอุปนิสัยบารมีถึงพร้อม เมื่อได้ฟังธรรมแล้วย่อมจะบรรลุธรรมฉันนั้น
๘
. คนเกิดวันเสาร์ : บูชาพระพุทธรูป
“ปางนาคปรก
“ ซึ่งอยู่ในอิริยาบถนั่งขัดสมาธิ แต่ประทับนั่งบนขนดหางของพญานาคซึ่งขดกันเจ็ดชั้น พญานาคแผ่พังพานเป็นห้าเศียรบ้าง เจ็ดเศียรบ้าง ปางนี้มาจากตอนที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วประทับนั่งพิจารณาธรรมอยู่ที่ร่มไม้จิก เมื่อเกิดพายุฝน พญามุจจลินทนาคราชจึงแสดงอิทธิฤทธิ์แผ่พังพาน
ที่มา : หนังสือ “วิชาที่พระพุทธเจ้าไม่สอน” โดย ทวีศักดิ์ ใครบุตร
ณัฐวุฒิ/สำนักข่าวทีนิวส์ : รายงาน